วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จัดทำโดย

นายณรงค์ กริดรัมย์ เลขที่ 3



นางสาวทักษพร แสนจินดา เลขที่ 14




นางสาวนันทรัตน์ รุ่งโรจน์ เลขที่ 16


นางสาวพรพิมล เกื้อประโคน เลขที่ 18



นางสาวรัตติกาล เชื้อสอน เลขที่ 23



นางสาวลภัสรดา เกษไธสง เลขที่ 26


นางสาวสายชล เกิดช่อ เลขที่ 30



นางสาวสุภาวดี กรุมรัมย์ เลขที่ 31


นางสาวอนันตญา นารัมย์ เลขที่ 33

อาณาจักรพืช
โดย สายณรงค์ รสานนท์


เรามาเจาะลึกอีกหนึ่งในทรัพยากรธรรมชาติที่มณฑลยูนนานมีอย่างมากมายและหลากหลายกันต่อไปเถอะ นักวิทยาศาสตร์หลายคนขนานนามยูนนานว่า “อาณาจักรแห่งพืช” เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกระหว่างนักพืชวิทยาว่า ยูนนานเป็นดินแดนหนึ่งในโลกที่มีความหลากหลายในพันธุ์พืชที่น่าสนใจมาก ทุกๆ ปีจะมีทีมงานสำรวจและวิจัยจากต่างประเทศอย่างน้อยหนึ่งทีม บุกบั่นเข้ามาในเขตทุรกันดารของยูนนานเพื่อสำรวจและศึกษาความมหัศจรรย์ของพันธุ์พืชในยูนนาน
ดังที่ผมได้กล่าวมาแล้วภายในยูนนาน เขตอากาศที่แตกต่างกันตั้งแต่เขตร้อนไปถึงเขตหนาวจัด ทำให้ยูนนานมีพืชทั้งเขตร้อน เขตกึ่งร้อน เขตอบอุ่น เขตหนาว และเขตหนาวจัด
ยูนนานมีพืชถึง 18,000 พันธุ์ด้วยกัน มากกว่าครึ่งหนึ่งของพันธุ์พืชทั้งหมดในจีน ในจำนวนนี้ 10,000 พันธุ์เป็นพืชประเภทเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน นักวิชาการได้ค้นพบว่ายูนนานมีพืชถึง 1,000 พันธุ์ที่มีคุณค่าในเชิงพาณิชย์ (คือปลูกแล้วขายได้กำไร)

ไม้ประดับและไม้ดอก

ยูนนานมีไม้ดอกถึง 1,500 พันธุ์ และไม้ประดับที่ไม่ใช่ไม้ดอกถึง 700 พันธุ์ ยูนนานมี Rhodedendron และ Azalia (ไม่มีชื่อภาษาไทยครับ) กว่า 150 พันธุ์
ยูนนานเป็นแหล่งผลิตไม้ตัดดอกที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า บรรดาไม้ตัดดอกที่สำคัญๆ ของยูนนานเป็นไม้ต่างถิ่นเกือบหมด เช่น คาร์เนชั่น ลิลลี่ และกุหลาบ เกือบไม่มีไม้พื้นเมืองของยูนนานเลย

สมุนไพร

ยูนนานเป็นแหล่งสมุนไพรที่สำคัญมากแหล่งหนึ่งของจีน แพทย์แผนจีนได้ค้นพบสมุนไพรในยูนนานถึง 2,000 ชนิดด้วยกัน และใช้สมุนไพรในยูนนานถึง 1 ,250 ชนิดในการปรุงยาจีนที่ใช้กันอยู่ประจำวัน
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ท่านผู้อ่านคงไม่แปลกใจว่า ยูนนานเป็นศูนย์สำคัญแหล่งหนึ่งที่ผลิตยาจีนด้วยกรรมวิธีที่ทันสมัยเพื่อส่งออก ท่านสามารถหาซื้อยาจีนแบบเมล็ดหรือแคปซูลจากยูนนานได้ตามร้านขายยาทั่วโลก
ผู้ชำนาญด้านสมุนไพรของไทยเราน่าจะหาโอกาสไปร่วมทุนผลิตยาจีนผสมยาไทยที่ยูนนานนะครับ ผมว่าน่าสนใจมากทีเดียว

ไม้เนื้อหอม
ยูนนานมีไม้เนื้อหอมหรือไม้กลิ่นหอมถึง 400 พันธุ์ ส่วนมากมีชื่อเป็นชื่อวิทยาศาสตร์ ที่มีชื่อเป็นไทยๆ ก็มี น้ำมันยูคาลิปตัส ต้นไม้ประเภทการบูร (camphor oil) ต้นไม้ประเภทกระดังงาไทย (Cananga odorata) พืชประเภทหญ้าหอม (cogongrass oil) และไม้ประเภทใบหอมหรือเปลือกหอมอื่นๆ
ไม้เนื้อหอมน่าสนใจพอสมควร มีค่า โตช้า หายาก ถึงแม้ว่าไม่มีความต้องการสูงมากก็ตาม แต่ก็มีราคาพอสมควร

พืชพาณิชย์
ในบรรดาพืชพาณิชย์ที่มีความสำคัญของยูนนานได้แก่ ชา อ้อย ยางพารา ต้นปาล์มน้ำมัน ผักและผลไม้
พืชพาณิชย์ที่มีชื่อที่สุดเห็นจะได้แก่ ชาผูเออร์ ซึ่งปลูกโดยชาวไทลื้อที่แคว้นสิบสองปันนาและมีชื่อเสียงโด่งดังที่จีนและเอเชียมากว่า 300 ปีแล้ว

การอนุรักษ์ป่าไม้ของยูนนาน
ปี พ.ศ. 2541 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในยูนนาน บ้านเมืองไร่นาพังทลาย ผู้คนสูญหายตายจากเป็นจำนวนมาก สาเหตุหลักเกิดขึ้นจากการตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย รัฐบาลจีนไม่ลังเลใจที่จะประกาศห้ามตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติ และอนุญาตให้ตัดไม้เพียงในป่าที่ปลูกใหม่ทดแทนเท่านั้น รัฐบาลยูนนานตอบรับนโยบายที่สำคัญนี้อย่างเข้มแข็ง
ปัจจุบันนี้ ในยูนนานเกือบไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติ และมีการปลูกป่าทดแทนป่าที่ถูกทำลายไปแล้วอย่างขมักเขม้น โดยเฉพาะตามเนินเขาที่ชันมาก
จริงอยู่ ยังมีการลักลอบตัดป่าธรรมชาติเล็กๆ น้อยๆ ยังมีการฉ้อโกงโดยเจ้าหน้าที่จีน แต่โดยทั่วไปแล้ว เราต้องถือว่านโยบายนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าพึงพอใจ ด้วยเหตุว่า ยูนนานเป็นดินแดนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมาก องค์กรนานาชาติและองค์กรของจีนเองที่มีนโยบายอนุรักษ์ธรรมชาติต่างก็จับตาดูยูนนานเป็นพิเศษ และรัฐบาลยูนนานก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือในการปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าธรรมชาติ
น่าทึ่งมากนะครับ โดยเฉพาะเมื่อเราเรียนรู้ว่า ยูนนานมีพื้นที่เป็นป่าถึง 25% ของพื้นที่ทั้งหมด และยูนนานเป็นมณฑลที่จนมาก แต่เขาก็ยอมเจ็บและยอมสูญเสียรายได้จากอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขในระยะยาวของพวกเขา ไทยเราน่าจะเอาตัวอย่างจากยูนนานในเรื่องนี้มาใช้ดูบ้างนะครับ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาทำลายธรรมชาติ เพื่อหวังเงินตราระยะสั้น และสร้างปัญหาให้กับลูกๆ หลานๆ
แต่ผมคงชมคนยูนนานเต็มที่ไม่ได้ เพราะปรากฏว่านายทุนยูนนานได้ไปตัดไม้ทำลายป่าที่อุดมสมบูรณ์ของพม่าและอินโดนีเซียแทน (ด้วยความรู้เห็นเป็นใจของชาวพม่าและอินโดเนียเซียที่เห็นแก่ตัวบางคน) ใช่แล้วครับ ยูนนานอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ที่มีคุณค่าของเขาไว้ แต่ได้ซื้อ (อย่างผิดกฏหมายเป็นส่วนมาก) ทรัพยากรเหล่านี้จากประเทศอี่นมาใช้แทน คนไทยจงจำไว้เป็นบทเรียนนะครับ อย่าไปหลงทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่าของเราแล้วขายให้กับชาติอื่น ไม่คุ้มค่าหรอกครับ แล้วเขาก็ดูถูกเราด้วยว่าโง่ เห็นแก่ได้ ไม่คิดถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ข้อมูลสำหรับบทความนี้ ได้มาจากหลายแหล่งด้วยกัน รวมทั้ง สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งมณฑลยูนนานและองค์กรนานาชาติหลายองค์กร
kingdom platae
สิ่งมีชีวิตที่จัดอยู่ในอาณาจักรพืช ( Kingdom Platae or Metaphyta )
สิ่งมีชีวิตในอาณาจักรพืช มีลักษณะเฉพาะ คือ เป็นสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ ประกอบกันเป็นเนื้อเยื่อสามารถสร้างอาหารเองได้ ทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตในระบบนิเวศ แบ่งได้หลายดิวิชัน ได้แก่ไบรโอไฟตาไซโลไฟตาไลโคไฟตา สฟีโนไฟตา เทอโรไฟตา เทอโรไฟตา โคนิเฟอโรไฟตา ไซแคโดไฟตา กิงโกไฟตา และแอนโทไฟตามีลักษณะ ร่วมที่สำคัญหลายประการทำให้นักชีววิทยาสามารถจัดให้อยู่ในพวกเดียวกันได้ ลักษณะร่วมที่สำคัญ

1. เป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถสังเคราะห์เเสงสร้างอาหารได้( multicellura photosynthesis organism )เรียกว่า ออโตโทรป ( autotrope )
2. โครงสร้างของพืชประกอบด้วย cell ส่วนใหญ่ที่มีรวค์วัตถุดูดซับเเสง คือ คลอโรฟิลด์ ซึ่งบรรจุอยู่ในคลอโรพลาสต์
3. มีการรวมกลุ่มของเซลล์เป็นเนื้อเยื่อเพื่อทำหน้าที่เฉพาะอย่าง
4. วัฏจักรชีวิตมีการสืบพันธุ์เเบบสลับ ( alternation of generation ) มีทั้งช่วงชีวิตที่เป็นระยะสปอโรไฟต์ ( 2n ) เเละช่วงชีวิตที่เป็น ระยะเเกมีโทไฟต์ ( n ) ที่สืบพันธุ์ได้ทั้งสองระยะ
5. มีการเจริญเติบโตของเอมบริโอ ( young sporophyte ) ภายในต้นเเม่ซึ่งเเตกต่างจากสาหร่าย ที่เอ็มบริโอจะเจริญเติบโตอย่างอิสระ
6. เซลล์พืชมีผนัง เซลล์( cell wall ) เป็นสารเซลล์ลูโลสที่เเข็งเเรงห่อหุ้มอยู่ภายนอกเยื่อหุ้มเซลล์






วิวัฒนาการของพืช

พืชเกือบทุกชนิดอาศัยอยู่บนบก เเละนักวิชาการเชื่อว่ามีวิวัฒนาการมาจากสาหร่ายสีเขียวหลายเซลล์ เพราะมีวัฏจักรชีวิตที่มีการสืบพันธุ์เเบบสลับ( alternation of generation )เหมือนกัน- พืชมีการปรับตัวหลายอย่างเพื่อขึ้นมาอาศัยอยู่บนบก คือ- มีคิวติเคิล ( สารคล้ายขี้ผึ้งที่เคลือบผิวใบเเละลำต้น ) เพื่อลดการสูญเสียน้ำ - มีปากใบ ( stomata ) เพื่อเเลกเปลี่ยนก๊าซ- มีเนื้อเยื่อลำเลียง เพื่อลำเลียงน้ำเเละเเร่ธาตุ ขึ้นไปสู่ยอด- มีเซลล์สืบพันธุ์ถูกห่อหุ้มเอาไว้หลายชั้น พืชบางชนิดยังเก็บไซโกตเอาไว้ใน อวัยวะสืบพันธุ์เพศเมียเพื่อให้ไซโกตเจริญเป็นเอ็มบริโอก่อนจะหลุดร่วงไป งอกเป็นต้นใหม่




การจัดจำพวกพืช

อาณาจักรพืช เเบ่งออกเป็น 8 ดิวิชั่น ( เทียบเท่าไฟลัม ) ซึ่งมีสองพวกได้เเก่1. พืชไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง( non vascular plant ) มีดิวิชั่นเดียวคือดิวิชั่นไบรโอไฟต้า มีลักษณะสำคัญคือ- ไม่มีเนื้อเยื่อลำเลียง - ไม่มีราก ลำต้นเเละใบที่เเท้จริง- วัฏจักรชีวิตเเบบสลับ มีต้นเเกมีโตไฟต์ใหญ่กว่าต้นสปอโรไฟต์2. พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียง ( vascula plant ) ได้เเก่ 7 ดิวิชั่นที่เหลือ มีลักษณะสำคัญรวมกันคือ- มีเนื้อเยื่อลำเลียง คือ ทีอลำเลียงน้ำเเละทีอลำเลียงอาหาร- มีราก ลำต้น เเละใบที่เเท้จริง คือ ภายในมีเนื้อเยื่อลำเลียงติดต่อถึงกันโดยตลอด- วัฏจักรชีวิตเเบบสลับมีต้นสปอโรไฟต์ใหญ่กว่าต้นเเกมีโทไฟต์ พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียงที่มีวิวัฒนาการสูงขึ้นจะมีต้นสปอโรไฟต์ใหญ่ขี้นเเต่ต้นเเกมีโตไฟต์เล็กลงตามลำดับ จนกระทั่งในพืชพวกสนเเละพืชมีดอกต้นเเกมีโตไฟต์เหลือเพียงกลุ่มเซลล์ไม่กี่เซลล์ที่อาศัยอยู่ในต้นสปอโรไฟต์เท่านั้น
การจัดจำพวกพืชเป็น 9 ดิวิชันพืชที่ไมมีเนื้อเยื่อลำเลียง ( non vascular plant ) มี 1 ดิวิชัน คือ ไบรโอไฟตา ( ฺBryophyta ) มี 2 คลาส คือ- เอปาติคอปซอดา ( hepaticopsida )ลิเวอร์เวิร์ท ( liverwords )- ไบรออปซิดา ( Bryopsida ) มอส ( moss ) เช่น ข้าวตอกฤาษี ( สเเฟกนัมมอส )
พืชมีเนื้อเยื่อลำเลียง ( vascular plant ) มี 8 ดิวิชัน คือพวกไม่มีเมล็ด ไซโลไฟตา ( Psilophyta )

หวายทะนอย หรือ ไซโลตัม ( Psilotum )ไลโคไฟตา ( Lycophyta )ช้องนางคลี่ หรือไลโคโปเดียม ( Lycopodium )เเละตีนตุ๊กเเกหรือ ซีเเลกจิเนลลา ( Selaginella )สฟีโนไฟตา ( Sphenophyta )หญ้าถอดปล้อง ( หญ้าหางม้า ) หรือ อีควิเซตัม (equisetum )เทอโรไฟตา ( Pterophyta )เฟิน ( fern )
พวกมีเมล็ด เมล็ดเปลือย ไม่มีผลห่อหุ้ม โคนิเฟอโรไฟตา ( Coniferophyta )สน ( conifers )ไซเเคโดไฟตา ( Cycadophyta ) หรง ( cycade )กิงโกไฟตา ( Ginkgophyta )เเป๊ะก๊วย ( Gingo )
พวกมีเมล็ด เมล็ดมีผลห่อหุ้ม ( มีดอก ) เเอนโทไฟตา ( Anthophyta ) พืชมีดอก มีจำนวนมากที่สุด






................................................................................................

พัฒนาโดยนางสาววรรดี ไวเรียบเสนออาจารย์ ภาสกร เรืองรอง รายวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา355201สงวนลิขสิทธิ์ โดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พ.ศ.2547

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552






อาณาจักรพืช
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาให้อยู่ในอาณาจักรพืช
1. สามารถสร้างอาหารเองได้ เพราะมีคลอโรฟิลล์
2. เคลื่อนที่ไม่ได้ แต่เคลื่อนไหวได้
3. มีการดำรงชีวิตแบบผู้ผลิต
4. สามารถเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานเคมีได้
5. เซลล์ มีผนังเซลล์
6. มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้า เพราะไม่มีระบบประสาท
7. เซลล์เป็นแบบ Eukaryotic cell ( มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส )
เราสามารถจำแนกสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรพืชออกเป็น 8 ดิวิชั่น ดังนี้
1. ดิวิชั่นไบรโอไฟตา ( Bryophyta )
เป็นพืชดิวิชั่นเดียวที่จัดว่าเป็น พืชไม่มีท่อลำเลียง ( Non – vascular plant )
ไม่มีราก ลำต้น ใบ ที่แท้จริงจะมีส่วนทำหน้าที่คล้ายราก ลำต้น ใบ
ราก เรียกว่า Rhizoid (ไรซอย) ยึดเกาะ, ดูดอาหาร
ลำต้น เรียกว่า Caulidium (คัวลิเดียม)
ใบ เรียกว่า Phyllidium (ฟิลลิเดียม) สังเคราะห์แสง
เป็นพืชที่ชอบความชื้นสูง ต้นเตี้ยคล้ายสาหร่าย
วงจรชีวิตเป็นแบบสลับมี 2 ช่วง คือ
แกมีโตไฟต์ คือช่วงชีวิตของพืชที่มีส่วนคล้ายราก ลำต้น ใบ มีอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ เรียกว่า Anterridium และมีอวัยวะสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เรียกว่า Archegomiun
สปอร์โรไฟต์ คือช่วงชีวิตที่เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย เกิดการงอกเจิญเป็นต้นสปอร์โรไฟต์จะอยู่บนแกมีโตไฟต์ ปลายของสปอร์โรไฟต์มีอับสปอร์ทำหน้าที่สร้างสปอร์

ตัวอย่าง ได้แก่ มอส , ลิเวอร์เวิร์ต , ฮอร์นเวิร์ต


1. ดิวิชั่นไซโลไฟตา ( Psilophyta )
เป็นพืชที่มีท่อลำเลียง แต่มีวิวัฒนาการต่ำสุด , ไม่มีใบ
ไม่มีรากและใบที่แท้จริงแต่มีใบเกล็ดเล็ก ๆ ตามข้อ
มีลำต้นที่แท้จริงมีสีเขียวขนาดเล็กเป็นเหลี่ยมแตกกิ่งเป็นคู่
มีวงชีวิต 2 ช่วงคือ
แกมีโตไฟต์ มีลำต้นขนาดเล็กอยู่ใต้ดิน ไม่มีสีเขียว มีไรซอย มีอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้และเพศเมียเมื่อมีการผสมพันธุ์แล้วเจริญเป็นสปอร์โรไฟต์ แกมีโตไฟต์จะสลายไป
สปอร์โรไฟต์ มีลำต้นขนาดเล็กตั้งตรงเหนือพื้นดิน มีสีเขียว ไม่มีใบหรือใบเป็นเกล็ดเล็ก ๆ มีอับสปอร์ที่บริเวณกิ่ง เรียกว่า สปอร์แรงเจียม (Sporangium)
ตัวอย่าง หวายทะนอย หรือ ไซโลตัม



1. ดิวิชั่นไลโคไฟตา ( Lycophyta )
มีราก ใบ ลำต้นที่แท้จริง
บางชนิดมีลำต้นตั้งตรงหรือเลื้อยตามพื้นดิน มีลำต้นใต้ดิน เรียกว่า Phizoid
ใบมีขนาดเล็ก เรียงซ้อนกันเรียกว่า Porophill ทำหน้าที่ห่อหุ้มรองรับสปอร์ส่วนปลายยอดจะมีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ เรียงซ้อนกันเรียกว่า Strobilus
ทำหน้าที่สร้างสปอร์
เมกะสปอร์แรงเจียม ( เพศเมีย )
ไมโครสปอร์แรงเจียม (เพศผู้ )
ตัวอย่าง พวก Lycopodium ได้แก่ ช้องนางคลี่ สามร้อยยอด
พวก Selaginella ได้แก่ ต้นตีนตุ๊กแต ,พ่อค้าตีเมีย ,หญ้าร้องไห้ ,เฟือยนก
1. ดิวิชั่นสฟีโนไฟตา ( Sphenophyta )
มีราก ลำต้น ใบที่แท้จริง
ลำต้นขนาดเล็ก มีสีเขียว ต่อกันเป็นข้อและปล้องชัดเจน
ใบไม่มีสีเขียวแต่มีลักษณะคล้ายเกล็ดแตกออกรอบๆข้อ
ปลายลำต้นที่เจริญเต็มที่ จะมีกลุ่มที่ทำหน้าที่สร้างสปอร์เรียกว่า Strobilus
รากเจริญจากข้อของลำต้นใต้ดิน
ช่วงชีวิตที่เด่นคือ สปอร์โรไฟต์
ตัวอย่าง ( Equiselum ) หญ้าถอดปล้อง , สนหางม้า , หญ้าหูหนวก , หญ้าเหงือก
1. ดิวิชั่นเทอโรไฟตา ( Pterophyta )
มีราก ลำต้น ใบที่แท้จริง
ใบมีขนาดใหญ่เป็นใบเดี่ยวหรือใบประกอบ ใบอ่อนจะม้วนจากปลายใบมายังโคนเป็นวง
ระยะสปอร์โรไฟต์ จะมีกลุ่มอับสปอร์อยู่ใต้ท้องใบเรียกว่า Sorus
ระยะแกมีโตไฟต์ จะมีลักษณะเป็นแผ่นสีเขียวบางๆ คล้ายรูปหัวใจเรียกว่า Prothallus
ตัวอย่าง พวกเฟิร์น ผักกูด ย่านลิเภา ผักแว่น ชายผ้าสีดา






1. ดิวิชั่นโคนิเฟอโรไฟตา ( Coniferophyta )
มีราก ลำต้น ใบที่แท้จริง
ใบมีขนาดเล็กเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะเป็นรูปเข็ม
ลำต้นสูงใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขา มีเนื้อไม้มาก
เป็นพวกแรกที่อาศัยลมในการผสมพันธุ์
บริเวณปลายกิ่งจะมี Cone หรือ Strobilus เป็นแผ่นแข็งสีน้ำตาลเรียงซ้อนกันแน่น ( เพศเมีย )
มีเมล็ดใช้สำหรับสืบพันธุ์ เมล็ดไม่มีรังไข่ห่อหุ้มจะติดอยู่กับส่วน Strobilus
ช่วงชีวิตที่เด่นคือ สปอร์โรไฟต์ ( อาศัยเพศ )
ตัวอย่าง สนสองใบ , สนสามใบ
1. ดิวิชั่นไซแคโดไฟตา ( Cycadophyta )
มีราก ลำต้น ใบที่แท้จริง
ลำต้นเตี้ย มีขนาดใหญ่
ใบเป็นใบประกอบ มีขนาดใหญ่คล้ายใบมะพร้าวแต่เป็นกระจุกที่ส่วนยอด
มีเมล็ดใช้ในการสืบพันธุ์มี Cone เมล็ดไม่มีผนังรังไข่ห่อหุ้มเหมือนพืชพวกสน งอกได้ทันทีไม่ต้องฟักตัว

ตัวอย่าง ต้นปรง


1. ดิวิชั่นแอนโทไฟตา ( Anthophyta )
มีวิวัฒนาการสูงที่สุดในพวกพืชมีท่อลำเลียง
มีราก ลำต้น ใบที่แท้จริง
มีระบบลำเลียงเจริญดี มีท่อลำเลียงน้ำ ( Xylem ) และท่อลำเลียงอาหาร (Phloem)
มีดอกเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ เมล็ดมีรังไข่ห่อหุ้ม
การปฏิสนธิ เป็นแบบซ้อน Double Fertilization การปฏิสนธิ 2 ครั้ง
ตัวอย่าง พืชมีดอก แยกได้ออกเป็น พืชใบเลี้ยงคู่และพืชใบเลี้ยงเดี่ยว
พืชใบเลี้ยงคู่
พืชใบเลี้ยงเดี่ยว
1. มีใบเลี้ยง 2 ใบ
2. เส้นใบเป็นแบบร่างแห
3. ใบเลี้ยงชูเหนือพื้นดิน
4. ระบบรากแก้ว
5. ระบบท่อลำเลียงเป็นวงรอบข้อ
6. กลีบเลี้ยง กลีบดอกเกสรตัวผู้ 4-5
7. รากจะมีท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหาร 4 แฉก
8. มี Cambium และมีการเจริญทางด้านข้าง
1. มีใบเลี้ยง 1 ใบ
2. เส้นใบเรียงแบบขนาน
3. ใบเลี้ยงไม่ชูเหนือพื้นดิน
4. ระบบรากฝอย
5. ระบบท่อลำเลียงกระจัดกระจาย
6. กลีบเลี้ยง กลีบดอกเกสรตัวผู้ 3
7. รากจะมีท่อลำเลียงน้ำและท่อลำเลียงอาหารมากกว่า 4 แฉก
8. ไม่มี Cambium และไม่มีการเจริญทางด้านข้าง